Wednesday, August 15, 2007

TestOut 70 - 284

Managing Exchange server 2003 70-284

มีโอกาสได้โหลด CD ชุดนี้มาทดลองใช้งานครับ ลักษณะของโปรแกรมจะเป็น Training Offline คือ ภายในซีดีจะมีผู้เชียวชาญมา
อธิบายขั้นตอนต่างๆ ในการเรียนรู้ บทเรียนและเนื้อหา ทั้งนี้ยังมีแบบทดสอบให้ทดลองทำด้วยครับ ดีมาก เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการไป
สอบ Microsoft Certified หรือผู้ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมครับ

70-284 จะมีเนื้อหาเรื่องการจัดการ MS Exchange Server 2003



Dowloads :
70-284
Size : 419 Mb.
File download type : bit torrent
โปรแกรม Downloads : uTorrent, Bitcomet

Reset Windows Winsock

Reset Windows Winsock

บางครั้ง Windows อาจมีปัญหาเรื่องการใช้งานระบบเครือข่าย คือ ไม่สามารถใช้งานระบบเครือข่ายได้ หรือ อาจไม่ได้ IP Address สาเหตุอาจเกิดมาจากเครื่องติดไวรัส การแก้ไขทำได้ตามวิธีการดังนี้

1. เปิด Command promt โดยไปที่ Start>Run>cmd เสร็จแล้วกด Enter

2. ที่ Command promt ทำการรันคำสั่ง c:>netsh -c Winsock ซึ่ง promt จะเปลี่ยนเป็น netsh winsock>

3. ที่ netsh winsock> ทำการรันคำสั่ง reset เพื่อรีเซต Winsock

4. เครื่องจะทำการ Restart โดยอัตโนมัติ เป็นอันแล้วเสร็จ

หรือสามารถใช้คำสั่ง

- netsh winsock reset หรือ
- netsh ip reset

ซึ่งได้ผลเช่นกัน

ขอขอบคุณ © 2007 by dtplertkrai (dtplertkrai@gmail.com)

Delete user's profiles by Delprof

Delete user's profiles by Delprof.exe Tools

ไปอ่าน Blog ของท่าน dtplertkrai มาดูจะมีประโยชน์ กับงานด้านเราดี เลยขอนำคอลัมม์นี้มาโพสต่อ เพื่อเผยแพร่ความรู้ต่อๆกันครับ

ในบริษัท หน่วยงาน หรือสถานศึกษา ที่มีการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ร่วมกันหลายคน อาจมีปัญหาเรื่อง User's Profile ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และจำนวนก็มากขึ้นตามวันเวลา การลบโดยทำที่ละเครื่องนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลามาก และหากมีเครื่องเป็นหลายร้อยเครื่อง แต่ละเครื่องก็อยู่กันหลากหลายที่ ก็ยิ่งเป็นเรื่องหน้าปวดหัวสำหรับผู้ที่รับผิดชอบ แต่ช้าก่อนครับอย่าพึ่งหมดหวังซะทีเดียว เพราะทางไมโครซอฟต์ก็ได้คำนึงถึงปัญหาเหล่านี้เหมือนกัน จึงได้พัฒนาเครื่องมือชื่อ Delprof.exe ซึ่งช่วยแก้ปัญหาดังที่กล่าวมาได้ครับก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับเจ้าเครื่องมือตัวเก่งนี้ก่อนครับ Delprof.exe จะอยู่ในชุดเครื่องมือ Microsoft Windows Server 2003 Resource Kit เป็นเครื่องมือแบบ command-line สำหรับใช้ลบ User's profile ได้ทั้งบนเครื่องที่กำลังทำงานอยู่ (Local computer) หรือ บนเครื่องอื่นๆ จากระยะไกล (Remote computer) โดยการทำงานนั้นจะต้องเป็น user ที่มีระดับสิทธิ์เทียบเท่า administrator


การรันคำสั่ง
Delprof.exe /q /i /p /r /c:\\computer name /d:days

/q: ทำการรัน Delprof.exe ใน quiet mode ซึ่งจะทำการลบ profile โดยไม่ถามให้ยืนยันการลบ
/i: ให้ทำงานต่อไปโดยไม่สนใจความผิดผลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้น
/p: ทำการถามให้ยืนยันก่อนทำการลบแต่ละ profile
/r: ทำการลบเฉพาะเคชของ roaming profile เท่านั้น โดยเหลือ Local profiles ของ user เอาไว้
/c:\\computer name: ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการทำการลบ profile ในกรณ๊ที่ไม่ใส่ option นี้ จะทำการลบ profile บนเครื่องที่ Delprof.exe กำลังทำงานอยู่
/d:days: กำหนดว่าให้ลบเฉพาะ profile ที่ไม่มีการใช้งานตามนานกว่าจำนวนวันที่กำหนด

ข้อควรระวัง: Delprof.exe นั้นจะทำการลบข้อมูลทั้งหมดที่เก็บอยู่ใน user profile คือทั้ง ข้อมูลบน desktop , favorites, ข้อมูลในโฟลเดอร์ Application Data,และข้อมูลที่เก็บอยู่ในโฟลเดอร์ My Documents

1. การใช้ Delprof.exe ทำการลบ user profile บน Remote Computer ชื่อ WS01

1. คลิก Start>Run พิมพ์ cmd เสร็จแล้วกด Enter

2. ที่ command prompt พิมพ์ delprof.exe /p /c:\\WS01 เสร็จแล้วกด Enter โดยโปรแกรมจะทำการถามให้ยืนยันการลบแต่ละ profile ลักษณะคล้ายดังนี้ Delete \\WS01\C$\Documents and Settings\Name1? (Yes/No/All)

3. ให้เลือกทำข้อใดข้อหนึ่งดังนี้

-พิมพ์ y แล้วกด Enter เพื่อยืนยันการลบ
-พิมพ์ n แล้วกด Enter เพื่อยกเลิกการลบ
-พิมพ์ a แล้วกด Enter เพื่อยืนยันการลบในทุกๆ profile

4.พิมพ์ exit เสร็จแล้วกด Enter เพื่อออกจาก command prompt

2. การใช้ Delprof.exe ทำการลบ user profile บน Local Computer ที่ไม่มีการใช้งานเกิน 15 วัน

1. คลิก Start>Run พิมพ์ cmd เสร็จแล้วกด Enter
2. ที่ command prompt พิมพ์ delprof.exe /p /d:15 เสร็จแล้วกด Enter โดยโปรแกรมจะทำการถามให้ยืนยันการลบแต่ละ profile ลักษณะคล้ายดังนี้ Delete \\MYWS\C$\Documents and Settings\Name1? (Yes/No/All)
3. ให้เลือกทำข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
-พิมพ์ y แล้วกด Enter เพื่อยืนยันการลบ
-พิมพ์ n แล้วกด Enter เพื่อยกเลิกการลบ
-พิมพ์ a แล้วกด Enter เพื่อยืนยันการลบในทุกๆ profile

4.พิมพ์ exit เสร็จแล้วกด Enter เพื่อออกจาก command prompt

ดาวน์โหลดเครื่องมือ Delprof.exe:
http://download.microsoft.com/

ข้อมูลอ้างอิงและรายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้จาก:
http://www.microsoft.com/

© 2007 by dtplertkrai. (dtplertkrai@gmail.com) Allright Reserved

Tuesday, August 14, 2007

NAT On Windows 2003 Server

ขั้นตอนการทำ NAT แบบง่าย มีดังนี้
1.ไปที่เมนู Administrative Tools --> Routing and Remote Access
2. ที่ Server Status ให้เลือกเมนู Add Server ดังรูปที่ 1



3.เลือก This computer ดังรูปที่ 2


4.จะปรากฎชื่อเครื่องพร้อมวงเล็บ (local) ดังรูปที่ 3 ซึ่งในที่นี้ชื่อเครื่องมีชื่อเป็น WEB จากนั้นให้คลิ๊กเมาส์ขวาแล้วเลือกเมนู Configure and Enable Routing and Remote Access ตามรูปที่ 3


5.จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 4 แล้วให้เลือก Next


6.จะปรากฎหน้าจอดังรูปที่ 5 ซึ่งมีรายการให้เลือกหลายอย่าง ถ้าต้องการทำ NAT อย่างเดียวก็ให้เลือก Network address translation (NAT) แล้วคลิ๊ก Next



7.การเชื่อมต่อไปยัง Internet สามารถทำได้สองทางคือ ทาง Modem และทางการ์ด LAN โดยถ้าเชื่อมต่อทาง Modem ก็ให้เลือก Create a new demand-dial interface to the internet แต่ในที่นี้เป็นการเชื่อมต่อ Internet ผ่านการ์ด LAN ดังนั้นให้เลือก Use this public interface to connect to the internet และเลือกการ์ด LAN ที่เป็น Internet แล้วคลิ๊กปุ่ม Next ดังรูปที่ 6

สำหรับออพชั่น Enable security ก็เป็นการสร้างระบบ Security ที่การ์ด LAN อันที่เชื่อมต่อกับ Internet ซึ่งตรงนี้ต้องระมัดระวัง ถ้าเครื่องที่เราทำ NAT มีการให้บริการอื่น ๆ ด้วย เช่นอาจจะให้บริการ Web หรือ FTP อยู่ด้วย ถ้ามีการคอนฟิกไม่สมบูรณ์ ก็จะทำคนอื่นไม่สามารถ Access เข้ามายัง Server ของเราได้



8.ให้เลือกการ์ด LAN ที่เป็นเครือข่ายภายใน ดังรูปที่ 7 แล้วคลิ๊กปุ่ม Next



9.ให้คลิ๊กปุ่ม Finish ในรูปที่ 8



10. จากนั้นระบบจะทำการ Initialization ดังรูปที่ 9



11.เมื่อ Initialization เสร็จก็จะได้ดังรูปที่ 10 ถ้ามีลูกศรสีเขียว ก็แสดงว่า NAT เริ่มทำงานได้แล้ว

Config DNS Server - Windows Server 2003

Config DNS Server on Windwos Server 2003.

แนะนำ DNS Server
DNS Server ในมุมมองของผู้เขียนมีหน้าที่หรือลักษณะการใช้งานอยู่ 2 ประเภทคือ

1. เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแปลชื่อ host หรือชื่อโดเมนให้เป็น IP Address (หรือกลับกัน) ซึ่ง DNS Server ประเภทนี้ไม่ต้องมีการคอนฟิกเพิ่มเติมแต่ประการใด แค่ติดตั้งโปรแกรม DNS ก็สามารถทำงานได้แล้ว

2. เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลของโดเมนที่ได้จดทะเบียน DNS Server ประเภทนี้ต้องมีการเซ็ตเพิ่มเติมครับ ซึ่งหลักการของจดทะเบียนโดเมน เมื่อเราจดทะเบียนโดเมนแล้ว เราต้องมีการแจ้งไปที่ฐานข้อมูลกลางของโลก (Internic) ว่าโดเมนของเรานั้นมี DNS Server ตัวไหนเป็นตัวเก็บค่าข้อมูลต่าง ๆ ของโดเมนเอาไว้ ข้อมูลที่ว่าก็เช่นชื่อ host ต่าง ๆ เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่นถ้าเราจดทะเบียนโดเมนชื่อ itwizard.info ซึ่ง DNS Server ที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลของโดเมนคือ ns1.itwizard.info และ ns2.itwizard.info (ตรวจเช็คได้จาก www.internic.com ซึ่งชื่อ name server พวกนี้ต้องแจ้งไปที่ internic ด้วยว่ามี ip address เป็นอะไร คนที่เคยจดทะเบียนโดเมนแล้วรู้ดี) ตัวอย่างเช่นเมื่อมีคนเรียกใช้งาน www.itwizard.info หรือ mail.itwizard.info ถ้าตัว DNS ตัวใกล้เคียงไม่มีข้อมูลของชื่อโดเมนดังกล่าวอยู่ในแคช ตัว DNS Server ใกล้เคียงก็จะถามไปที่ตัว Server ของ Internic แล้ว Server ของ Internic ก็จะบอกมาว่าโดเมนที่กำลังสอบถามอยู่นั้น DNS Server ตัวไหนเป็นตัวรับผิดชอบเก็บข้อมูล นั่นคือจะบอกว่าเป็น ns1.itzard.info และ ns2.itwizard.info นั่นเอง จากนั้น Server ทั้งสองนี้ก็จะเป็นตัวบอกว่าค่าจริง ๆ ของ www.itwizard.info หรือ mail.itwizard.info มีค่า IP address เป็นอะไรจริง ๆ แล้วรายละเอียดของระบบ DNS มีลึกกว่านี้ครับ ที่อธิบายมาเป็นแค่สรุปขั้นตอนที่สำคัญให้เข้าใจหลักการคร่าว ๆ

รูปแบบของ DNS Server
DNS Server ในมุงมองของผู้เขียนสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบคือ

· Primary zone จะเป็น Server ที่เก็บฐานข้อมูลหลักของโดเมน การเซ็ตอัพ DNS ชนิดนี้จะต้องมีการเพิ่มชื่อ Host ต่าง ๆ เข้าไปเองทั้งหมด
· Secondary zone อาจจะเรียกว่าเป็น Slave ซึ่งการเซ็ตอัพ Server ชนิดนี้ไม่ต้องมีการเพิ่มชื่อ Host ต่าง ๆ เข้าไปเอง เพียงแต่ในขั้นตอนของการเซ็ตอัพ จะมีการอ้างอิงถึงเครื่องที่เป็น Primary Zone หลังจากนั้นก็จะทำการสำเนาไฟล์ทั้งหมดมาจากเครื่องที่เป็น Primary ซึ่งจะมีชื่อ Host ต่าง ๆ เข้ามาเอง

รูปแบบย่อยของแต่ละแบบ
จากรูปแบบทั้งสองดังที่ได้กล่าวมา ในแต่ละแบบนั้นสามารถแบ่งย่อยเป็นอีก 2 แบบคือ :

· Forward lookup zone เป็น DNS Sever ที่ทำหน้าที่แปลงชื่อโฮสต์หรือชื่อโดเมนไปเป็น IP Address
· Reverse lookup zone เป็น DNS Server ที่ทำหน้างที่แปลง IP Address เป็นชื่อ Host หรือชื่อโดเมน(ในที่นี้ผู้เขียนจะไม่ขอกล่าวถึง Reverse lookup zone เพราะไม่ค่อยจะมีความจำเป็นมากนัก)

การเซ็ต DNS Server เป็น Secondary Zone (อาจจเรียกว่า Slave)

1. เลือกเมนู All Programs -- > Administrative Tools --> DNS ดังรูปที่ 1




2. แล้วจะได้ดังรูปที่ 2





3. ให้คลิ๊กที่เมาส์ขวาที่ชื่อเครื่องแล้วเลือกเมนู New Zone ดังรูปที่ 3






4. เมื่อได้ดังรูปที่ 4 ให้คลิ๊กปุ่ม Next





5. เมื่อได้ดังรูปที่ 5 ให้เลือก Secondary zone แล้วคลิ๊กปุ่ม Next







6. เมื่อได้ดังรูปที่ 6 ให้เลือก Forward lookup zone แล้วคลิ๊กปุ่ม Next






7. เมื่อได้ดังรูปที่ 7 ให้ป้อนชื่อโดเมนที่ต้องการจะเซ็ตและต้องมีโดเมนที่มีอยู่จริง (หมายถึงมีการเซ็ต Primary Server เรียบร้อยแล้ว) ซึ่งในที่นี้ผู้เขียนของยกตัวอย่างโดเมนของโรงเรียนหนึ่งนะครับ แล้วคลิ๊กปุ่ม Next





8. เมื่อได้ดังรูปที่ 8 ให้ป้อน IP Address ของ DNS Server ที่เป็น Primary Server แล้วคลิ๊กปุ่ม Add




9. เมื่อได้ดังรูปที่ 9 ให้คลิ๊กปุ่ม Next




10. เมื่อได้ดังรูปที่ 10 ให้คลิ๊กปุ่ม Finish





11. จากนั้น Server ที่เรากำลังเซ็ตอยู่จะไปดึงไฟล์ข้อมูลมาจาก Primary Server แล้วจะมีชื่อ host ต่าง ๆ ปรากฏดังรูปที่ 11




12. ในกรณีที่ไม่สามารถดึงไฟล์จาก Primary Server ได้ก็อาจจะต้องทำการ Transfer from Master ดูดังรูปที่ 12 แต่ถ้ายังไม่สามารถดึงได้อีกก็อาจจะมีปัญหาในการเชื่อมต่อหรือไม่ก็เครื่องที่เป็น Primary อาจจะไม่อนุญาตให้มีการ Transfer ครับ






การเซ็ต DNS Server เป็น Primary Zone (Primary Server)
ในที่นี้สมมุติว่าเราต้องการจะเซ็ต DNS ให้เป็นของโดเมนที่ชื่อ mydomain.com และมีชื่อ host และ IP Address ต่าง ๆ เป็นดังนี้ :
หมายเหตุ เนื่องจากเป็นการทดลอง จึงขอใช้เป็น Private IP


ns1.mydomain.com
192.168.1.11

ns2.mydomain.com
192.168.1.12

mail.mydomain.com
194.168.1.13

www.mydomain.com
192.168.1.14

ขั้นตอนการเซ็ตมีดังต่อไปนี้

1. เมื่ออยู่ในหัวข้อ New Zone ดังรูปที่ 13 ให้เลือกเป็น Primary zone แล้วคลิ๊กปุ่ม Next




2. เมื่อได้ดังรูปที่ 14 ให้เลือกรายการ Forward lookup zone แล้วคลิ๊กปุ่ม Next





3. ให้ป้อนชื่อโดเมนดังรูปที่ 15 แล้วคลิ๊กปุ่ม Next




4. ในรูปที่ 16 เป็นชื่อของ zone file ในที่นี้ขอใช้ชื่อที่เป็น default แล้วให้คลิ๊กปุ่ม Next




5. ในรูปที่ 17 เลือก Do not allow dynamic update แล้วคลิ๊กปุ่ม Next




6. ให้คลิ๊กปุ่ม Finish ตามรูปที่ 18





7. จากนั้นจะมีชื่อโดเมนปรากฏขึ้นมาดังรูปที่ 19





8. ขั้นตอนต่อไปก็เป็นการเพิ่ม host เข้าไป โดยให้คลิ๊กเมาส์ขวาที่ชื่อโดเมน แล้วเลือกเมนู New Host ดังรูปที่ 20





9. ให้ป้อนชื่อ host และ IP Address เข้าไปดังรูปที่ 21 แล้วคลิ๊กปุ่ม Add Host สำหรับ check box ที่เป็น Create associatied pointer (PTR) record จะใช้ในกรณีที่เราทำ Reverse Zone ด้วย แต่ในที่นี้เราไม่ได้ทำ จึงไม่จำเป็นต้องเลือก





10. เมื่อมีการ Add Host แล้วจะมีรายงานดังรูป





11. จากนั้นให้ทำการ Add Host ที่เหลือให้ครบตามตัวอย่างที่กล่าวมา และเมื่อ Add Host ครบแล้วก็จะได้ผลลัพท์ดังรูปที่ 23






12. ในส่วนของ Mail นั้นนอกจากที่ได้ Add Host ไว้แล้วให้ทำการเพิ่มในส่วนของ Mail Exchanger ด้วย โดยให้เลือกเมนู New Mail Exchanger (MX) แล้วจะได้ดังรูปที่ 24 จากนั้นให้คลิ๊กปุ่ม Browse เพื่อ Browse ไปหา host ที่ชื่อ mail ตามที่ได้ Add ไว้แล้ว






13. เมื่อทำการ Browse ก็จะเจอ host ที่ได้ Add ไว้ดังรูปที่ 25 ให้เลือกชื่อที่เป็น mail แล้วคลิ๊กปุ่ม OK





14. แล้วจะได้ดังรูปที่ 26 จะเห็นว่ามี Priority ของ mail อยู่ด้วย ในที่นี้ขอให้ใช้ค่า default ที่มีอยู่คือ 10 แล้วคลิ๊กปุ่ม OK






15. จากนั้นจะได้ผลลัพท์ดังรูปที่ 27 ซึ่งจะเห็นว่ามีค่าของ Mail Exchanger อยู่ด้วยแล้ว





16. การทดสอบการทำงานของ DNS Server สามารถทดสอบได้ด้วยการรันคำสั่ง nslookup แล้วให้ป้อนชื่อ host ต่าง ๆ เข้าไปดังรูปที่ 28



ขอขอบคุณบทความจาก : http://www.itwizard.info

MS Outlook Backup

วิธีการ Back up ข้อมูลใน MS Outlook เพื่อเก็บสำรองหรือย้ายไปลงเครื่อง PC ตัวอื่นๆ


Back up นี้สามารถย้ายไป import เข้าเครื่อง PC ตัวอื่นได้ด้วย เช่นหากเครื่องที่ใช้งานอยู่จำเป็นต้อง Format ขึ้นมา เราก็สามารถโอน ไฟล์ Back up นี้กลับมาได้ภายหลังจาก Format เครื่องเสร็จข้อมูลก็ยังไม่สูญหายไป

วิธีการนั้น ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลใน MS Outlook และความเร็ว CPU เครื่องที่ใช้งาน สำหรับวิธีที่นำมาบอกเล่านี้ก็เป็นเพียงอีกวิธีหนึ่งในหลายๆวิธีที่หลายๆท่านใช้ๆกัน แต่ผมเองใช้แบบนี้เลย ขอมัดมือชกเสนอวิธีนี้เลยก็แล้วกัน เน๊อะ!!






เปิด MS Outlook ขึ้นมาตามปกติ



แล้วไปที่เมนูด้านบน เลือกที่ File >> Import and export ตามในภาพ

เลือกที่ export to a file แล้ว คลิ๊ก Next ไปเมนูถัดไป เลือกที่ Personal folder file เพื่อเลือกการ output ไฟล์ออกมาเป็นนามสกุล .pst




เลือก Folder ที่จะ Back up ในกรณีนี้ผมเลือก Back up ทั้งหมดเลย คลิ๊กที่ Next แล้วเข้าสู่หน้าถัดไป เลือก Folder ที่จะเก็บ file ตัว Back up เอาไว้ ผมเลือกเป็นบนหน้าจอ Desktop



ทำในขั้นตอนสุดท้ายเลือกแบบ No encryptionเพียงแค่นี้ก็สามารถ Back up ข้อมูลใน Outlook ออกมาทั้งหมดแล้วครับ โดยไฟล์ที่ Back up นั้นจะนามสกุล .pstการนำไฟล์ตัวนี้ไปใช้ เราสามารถนำไป import เข้า PC เครื่องอื่นๆที่มี MS Outlook ได้เช่นกัน เมื่อ Import เข้าไปแล้วข้อมูลทั้งหมดก็จะเข้าไปอยู่ในโปรแกรม MS Outlook เหมือน ต้นฉบับเป๊ะ การ Import ก็ทำคล้ายๆกับการ export ข้อมูลที่เสนอด้านบน


ขอบคุณบทความ จาก : http://www.mrpalm.com


แก้ปัญหาติดไวรัส Monaliza

Monaliza...

ไวรัสตัวนี้ติดผ่านทางแฮนดี้ไดร์วได้ นอกจากนี้ยังสามารถติดเชื้อผู้ใช้ผ่านทาง MSN เป็นไวรัสที่เริ่มแพร่กระจายมาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยจะใช้เทคนิค auto run สำำหรับการติดเชื้อแฮนดี้ไดร์วตามเคย โปรแกรมนี้จะทำการคืนค่าที่ไวรัสทำไว้ทั้งหมด ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์แฮนดี้ไดร์วเข้ากับเครื่อง เพื่อกำจัดไวรัสที่อยู่ในอุปกรณ์ได้พร้อมๆ กัน

อาการที่พบ


1. เมื่อเวลาเล่น (Online) MSN ไวรัสจะส่ง Link ของไฟล์ไวรัสไปยังคนที่เรากำลังคุยด้วย

2. ไม่สามารถคลิกขวาบนวินโดว์ได้

3. ไม่สามารถเข้า Folder Option , Internet Option ,Task Manager , RegEdit , CMD ได้

4. ชื่อเครื่องจะถูกเปลี่ยนเป็น Infected

5. มีรูปโมนาลิซ่า อยู่บนหน้าจอ

6. ขึ้น System Error Kernel32.dll ตอนเข้า Windows

โปรแกรมกำจัดไวรัส Monaliza โหลดที่ได้ที่
http://www.4shared.com/file/7924513/ba3b3646/monalisa_virus.html

วิธีป้องกันไม่ให้ติดไวรัสจาก handy drive
จากที่ทำมาเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้านะครับ ไม่ใช่การป้องกัน ส่วนไฟล์ที่ติดมากับ flash Drive หรือ Handydrive ไฟล์มันจะชื่อ moaphie.exe เห็นไฟล์นี้เข้ามา หรือไฟล์ที่เราไม่ ได้ก็อบมา อย่าคลิ้กเข้าไปเด็ดขาดครับ ให้ลบทิ้งเลย

แก้ปัญหาติดไวรัส Brontok

Brontok ...

แนะนำตัวก่อน -
ไวรัสตัวนี้เขียนในประเทศอินโดนีเซีย มีหลายสายพันธ์แพร่กระจายไปทั่วโลกผ่านทางอีเมลล์และแฮนดี้ไดร์ว ขณะนี้แอนติไวรัสส่วนใหญ่(ที่อัพเดตแล้ว) สามารถตรวจพบและกำจัดได้

อาการที่พบ
1. เข้า Regedit / msconfig / folder option ไม่ได้
2. เล่น internet ไปได้สักพักจะมีหน้าเว็บเขียว ๆ โผล่ขึ้นมา

โปรแกรมฆ่าไวรัส brontok ที่อยู่ใน handydrive โหลดที่ได้ที่
http://www.4shared.com/file/7925572/23dac633/BrontokKiller.html
หรือมาโหลดที่นี่ได้เหมือนกัน
http://trackerx90.thainonghan.com/downloads/BrontokKiller.zip

แก้ปัญหาติดไวรัส Hacked By Godzilla

Hacked By Godzilla

อาการที่พบ

1. เครื่องจะไม่สามารถดับเบิ้ลคลิกเปิดไดร์ฟต่างๆได้ ยกตัวอย่าง ดับเบิ้ลคลิก Drive C: Drive D: ไม่ได้ แต่จะคลิกเมาส์ขวาเพื่อเปิดไดร์ฟโดยเลือกเมนู Open หรือ Explore
2. มีข้อความปรากฏบน Title Bar ของ Internet Explorer ว่า Hacked By Godzilla”

วิธีแก้ปัญหาขั้นเทคนิค Manual Fix


1. ดับเบิ้ลคลิก My Computer ที่เดสก์ท็อป ที่เมนู Tools เลือก Folder Options คลิกหัวข้อ View ติ๊กเลือก Show Hidden files and folders > คลิก OK ตามรูป

2. ปลดเครื่องหมายถูกหน้า Hide extensions for know file types และ Hide protected operating system file ออก คลิก OK *** ตอนคลิกที่ Hide protected operating system file จะมีหน้าเตือนให้ตอบ yes

3. กดปุ่ม Ctrl+Alt+Delete ที่คีย์บอร์ด เพื่อเรียก Task Manager คลิกหัวข้อ Processes คลิกเลือกเมนู Image Name (เพื่อ sort File) คลิกเลือกไฟล์ wscript.exe (ทีละตัว) คลิกปุ่ม End Process

4. เปิดไดร์ฟ (โดยคลิกขวาเลือก Explore ห้ามดับเบิ้ลคลิกไดร์ฟ ) ทำการลบไฟล์ autorun.inf และ MS32DLL.dll.vbs ออก (โดยกด Shift+Delete ) ทุกไดร์ฟที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งรวมทั้ง Handy Drive และ Floppy disk ด้วย

5. เปิดโฟลเดอร์ C:\WINDOWS เพื่อลบไฟล์ MS32DLL.dll.vbs ออก (โดยกด Shift+Delete )

6. ไปที่ปุ่ม Start > Run พิมพ์ regedit คลิก OK เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Run ลบไฟล์ MS32DLL (โดยการกดปุ่ม Delete ที่คีย์บอร์ด )

7. เข้าไปที่คีย์ HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\Main ลบไฟล์ที่ Window Title Hacked by Godzilla” (โดยการกดปุ่ม Delete ที่คีย์บอร์ด )

8. คลิกปุ่ม Start > Run พิมพ์คำสั่ง msconfig กดปุ่ม OK คลิกหัวข้อ Startup ปลดเครื่องหมายถูกหน้า MS32DLL ออก คลิกปุ่ม Apply คลิกปุ่ม OK (หรือ Close) เลือก Exit Without Restart

9. ดับเบิ้ลคลิกไอคอน Mycomputer ที่เดสก์ท็อป ที่เมนู Tools เลือก Folder Options คลิกแท็ป View ติ๊กถูกหน้า Hide extention และ Hide protected operating system file คลิก OK ดูรูปจากข้อ 2

10. คลิกขวาที่ไอคอน Recycle bin เลือกคำสั่ง Empty Recycle bin เพื่อยืนยันการลบไฟล์ไวรัสออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์อีกครั้ง

โปรแกรมกำจัดไวรัส Hacked By Godzilla โหลดที่ได้ที่
http://www.4shared.com/file/8160010/45006604/KillGodzilla.html


ขอบคุณบทความ : www.amnatcharoen.go.th

แก้ปัญหาติดไวรัส Flashy

Flashy.exe

อาการที่พบ สังเกตุง่ายๆ -

1. ไม่สามารถเรียกใช้ Task Manager, Registry Editor และ Folder Option ได้ ไม่ว่าจะเรียกด้วยวิธีใด
2. อยู่ดี ๆ เครื่องก็ตั้ง password admin ให้ทั้ง ๆ ที่ เราไม่เคยตั้งทำให้เราเข้าเครื่องตัวเองไม่ได้ แต่พอลองใส่ รหัสผ่านว่า hacked เข้าได้แหะ
3. เมื่อมีการเสียบ Flash Drive หรือ Memory Card เข้าไปใน Card Reader แล้ว หากว่า ใน Memory Card นั้นมี Folder อยู่ Folder เหล่านั้นจะถูกเปลี่ยนให้ไปอยู่ใน สถานะ Hidden ทำให้เราไม่สามารถมองเห็น Folder เหล่านั้นได้

วิธีแก้ไขปัญหาแบบ Menual Fix...


ก่อนอื่นต้องเข้า Saft Mode ก่อนครับ โดยกดปุ่ม F8 ตอน Boot เข้าเครื่องฯ..

1. กรณีเครื่องคอมฯของท่านอาการหนักจุถูกตั้งรหัสผ่าน Administrator เอาไว้ หรือเปลี่ยนแปลงไป
ให้ท่านพิมพ์ hacked เข้าไปแทนเป็นรหัสผ่าน...

2.เมื่อเข้าวินโดว์ได้แล้ว ให้เราหยุดการทำงานของมันก่อนครับ โดยกด Ctrl+Alt+Delete จะเข้าสู่ Windows Task Manager แล้วมองหา Flashy.exe เลือกคลิก End Process ครับ

3. กรณีถ้าเข้า Windows Task Manager ไม่ได้ (ถ้าเข้าได้ให้ข้ามไปข้อ 6) ให้เราเข้าไปแก้ใน registry แต่ไวรัสยังปิดการเข้าใช้งาน Registry เอาไว้อีก ให้ใช้ตัว Unhookexec.inf ปลดล็อคก่อน โดยดาวน์โหลด เมื่อโหลดมาแล้วก็คลิกขวาที่ไฟล์ UnHookExec.inf แล้วเลือก Install แต่ถ้าเครื่องไหนที่ติดไวรัส หน้าจอภาษาจีนด้วยต้อง ฆ่าก่อนไม่อย่างนั้น จะใช้ UnHookExec.inf ไม่ได้ผล

4. จากนั้นก็จะเข้าใช้งานส่วน Registry ได้ครับ เมื่อเข้าได้แล้วก็ไปทำการ แก้ไข Registry ให้เครื่องใช้งาน Task Manager ได้ครับ โดย ไปที่

Start > Run พิมพ์ regedit กด OK แล้วเข้าไปลบคีย์ตามนี้ HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\system แล้วก็ลบ DisableRedistryTools และ DisableTaskMgr ออกครับ ...

5. เมื่อลบออกได้แล้วก็ไปทำตาม ข้อ 2 ครับ
6. แล้วตอนนี้มันก็หยุดการทำงานแล้วครับ ต่อไปเราต้องเข้า regedit แล้ว ไปที่ Start > Run พิมพ์ regedit แล้วเข้าไปลบคีย์ตามนี้ครับ

HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer\ ลบ NoFolderOptions

HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\Advanced\ ลบ HideFileExt

HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Services\SharedAccess\
ลบ Start

HKEY_LOCAL_MACHINE\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Run\
ลบ Flashy.exe

จากนั้นคลิก Start\Programs\Startup\ ลบ SystemID.pif จากนั้นคลิก Start > Run พิมพ์ msconfig ไปที่แถบ startup ยกเลิกติ๊กถูกหน้า systemID รีสตาร์ทเครื่องใหม่แล้วลองกด Ctrl+Alt+Delete ดูว่า Flashy.exe ยังมีการทำงานอีกหรือไม่ ถ้าไม่มีแสดงว่าเรียบร้อยแล้ว

ต่อไปการแก้ไขส่วนที่ไวรัสสร้าง ให้เราต้องใส่รหัสทุกครั้ง เวลาจะเปิดเครื่อง

1. คลิก Start > Setting > Control panel > User accounts เลือก User แรก (Administrator) จะสังเกตเห็นว่ามีข้อความแสดงว่า Password protected มีการใช้รหัสผ่านป้องกันอยู่ให้คลิกที่ User แรก (Administrator)

2. เลือก หัวข้อ Change a password พิมพ์รหัสผ่าน Hacked ในช่องแรก ( ช่องรหัสผ่านเดิม) ช่องที่เหลือเว้นว่างไว้ ยืนยันการเปลี่ยนรหัสผ่าน แล้วลองรีสตาร์ทเครื่องใหม่
หรือ Start > Run พิมพ์ regedit > คลิก OK แล้วไปตามนี้ HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion\Winlogon

แก้สตริงคีย์ตามนี้ครับหากไม่มีก็คลิกขาวเลือก New > String value ตามนี้ครับ

=============================
"AutoAdminLogon"="1"
"DefaultUserName"=" ชื่อผู้ใช้"
"DefaultPassword"hacked"
=============================

** หลังจากทำตามขั้นตอนเสร็จหมดแล้วให้ไปลบตัวไวรัสชื่อ Flashy.exe ใน C:\WINDOWS\system32
** ต้องเปิด Show hidden File ก่อนถึงจะเห็น วิธีการเปิด Show hidden File ทำได้โดย Tools > Folder Option > Show hidden files and folders > คลิก ok

มาดูวิธีง่าย ๆ กันก่อนดีกว่า

โปรแกรมกำจัดไวรัส Flashy ใน handy drive และ มือถือ โหลดที่ได้ที่
http://www.4shared.com/file/7924720/b9be051/FlashyKiller.html

โปรแกรมกำจัดไวรัส Flashy ในเครื่องที่ติดไวรัส โหลดที่ได้ที่
http://www.4shared.com/file/7925242/db88375/anti_flashy.html

โปรแกรมป้องกันการติดไวรัส Flashy โหลดที่ได้ที่
http://www.4shared.com/file/7925350/fb6fb92f/Anti_Flashy_by_trackerx90.html


ขอขอบคุณ บทความจาก : http://www.amnatcharoen.go.th

Microsoft Office Templates

Free templates for work, home, and play

บทความวันนี้จะขอแนะนำของฟรีจาก Microsoft กันครับ ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับโปรแกรมใช้งาน
ต่างๆ ของค่ายนี้ดี สำหรับทุกท่านที่ใช้งาน Microsoft office ท่านสามารถ Dowloads Templates มาใช้
งานหรือนำมาปรับปรุง ให้เข้ากับงานตัวเองได้สบายๆ ครับ

ถือว่าเป็นการลดเวลาในการสร้าง Object งานของท่านได้...


Link : http://office.microsoft.com/en-us/templates/FX100595491033.aspx?pid=CL100632981033

uTorrent 1.7.2

แนะนำโปรแกรมสำหรับนัก Downloads Files bit ทั้งหลายครับ ลองหันมาใช้โปรแกรมนี้ดู เป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งมีประสิทธิภาพเหมือนกับ bitcomet สำหรับคนเขียนแล้ว อยากบอกว่าชอบ uTorrent มากกว่า หลังจากการใช้งานดู จึงนำมาบอกต่อ ยังไงก้อนำไปลองดูครับ

Download : uTorrent Download